จังหวัดกระบี่

Image

ข้อมูลทั่วไป

        จังหวัดกระบี่ตั้งขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2415 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองปกาสัยและทรงพระราชทานนามว่า “เมืองกระบี่” เมื่อได้ประกาศตั้งขึ้นเป็นเมืองแล้วโปรดเกล้าฯให้ตั้งที่ทำการอยู่ที่ตำบลกระบี่ใหญ่ (บ้านตลาดเก่า) ต่อมาในปี พ.ศ. 2418 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกเมืองกระบี่ ออกจากการปกครองของเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเมืองจัตวาขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯและในปีพ.ศ. 2443 ได้ย้ายที่ตั้งเมืองไปอยู่ตำบลปากน้ำ อยู่ใกล้ปากอ่าวเป็นร่องน้ำลึก เรือใหญ่สามารถเข้าเทียบท่าได้สะดวกเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดจนถึงปัจจุบันนี้เดิมประชาชนชาวกระบี่มีอาชีพทำการเกษตรทั่วไป ทำประมง และค้าขาย และในปี 2512 ได้มีการบุกเบิกปลูกปาล์มน้ำมันด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสมทำให้มีการขยายการปลูกปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่องและเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดในปัจจุบัน ต่อมาในปี 2528 จังหวัดกระบี่เข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นเมืองเล็กๆ สงบเงียบอยู่กับธรรมชาติและทำการเกษตรเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเยือนเพื่อชมแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ นักธุรกิจในจังหวัดเล็งเห็นศักยภาพของการท่องเที่ยวดังกล่าว จึงเริ่มประกอบการท่องเที่ยว เช่น โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเป็นต้น ขณะเดียวกันภาครัฐได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกควบคู่กันไปเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเช่น ท่าอากาศยาน ท่าเทียบเรือ ถนน เมื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่สามารถรองรับและให้บริการนักท่องเที่ยวได้ทั้งการบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายเกิดความประทับใจ จึงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมากและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี จนเป็นจังหวัดที่สามารถสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศได้สูงเป็นลำดับที่ 4 รองจากกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และชลบุรี ขณะเดียวกันในภาคเกษตรกรรมการปลูกปาล์มน้ำมันที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักก็ขยายพื้นที่ปลูกมากเป็นลำดับต้นของประเทศและมีผลผลิตที่มีปริมาณและคุณภาพสูงที่สุดของประเทศ ส่งผลให้เกิดภาคอุตสาหกรรมตามมา คือ อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันโดยมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและลานเท จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดขนาดเล็กที่มากไปด้วยทรัพยากรท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ การผสมผสานการดำรงชีวิตของผู้คนที่ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา และความเชื่อที่แตกต่างอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่ทางด้านฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้ติดกับทะเลอันดามัน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงแผ่นดินประมาณ 814 กิโลเมตร มีพื้นที่ ทั้งหมด 4,708.512 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,942,820 ไร

จังหวัดกระบี่มีการปกครองส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็นระดับอำเภอ จำนวน 8 อำเภอ ระดับตำบล จำนวน 53 ตำบล และระดับหมู่บ้าน จำนวน 389 หมู่บ้าน

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ

1.เกาะพี พี

เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่คือ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล จุดท่องเที่ยวบนเกาะพีพีเล ประกอบด้วยอ่าวมาหยา อ่าวปิเละ ถ้ำไว้กิ้ง  ส่วนเกาะพีพีดอน เป็นที่ตั้งของที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีจุดชมวิวเกาะพีพี ที่สวยงาม สำหรับการเดินทางไปเที่ยวเกาะพี พี สามารถเดินทางแบบ  Onedaytrip  มีบริษัททัวร์ให้บริการนำเที่ยวเกาะพีพี มากมาย ทั้งจากกระบี่  ภูเก็ต แต่โปรแกรมนำเที่ยวจะไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่ทัวร์จากกระบี่ จะนำเที่ยวเกาะพี พี ดอน พีพีเล อ่าวมาหยา เกาะไผ่ ส่วนทัวร์ที่มาจากภูเก็ตโปรแกรมส่วนใหญ่ คือ ทัวร์เกาะพี พีเล พีพีดอน เกาะไข่ โดยราคาจะมีความแตกแตกต่างกัน หรือหากใครอยากดื่มด่ำสัมผัสบรรยากาศแบบเต็มที่สามารถมาพักค้างคืนที่เกาะได้

2.หาดทับแขก

หาดทับแขก เป็นชายหาดที่มีเอกลักษณ์ มองเห็นวิวของป่าเกาะอันที่เรียงรายอยู่กลางทะเลได้จากหน้าหาดงดงามดุจภาพวาด ยามเย็นเมื่อน้ำทะเลลด จะปรากฏเป็นริ้วทรายสลับกับน้ำทะเล พร้อมไปชมแสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบผืนทรายและผืนน้ำ ช่วยเสริมเติมแต่งให้หาดทับแขก เป็นชายหาดที่โรแมนติกอีกหาดหนึ่งของกระบี่

3.อ่าวนาง

เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทะเลกระบี่ เป็นที่ตั้งของ รีสอร์ท ร้านอาหาร บริษัททัวร์ให้บริการนำเที่ยวเกาะที่มีชื่อต่างๆของกระบี่ เช่น ทะเลแหวก เกาะปอดะ เกาะพี พี หมู่เกาะห้อง เป็นจุดเช่าเรือไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ พื้นที่ของ อ่าวนาง จะ ตั้งอยู่ตามถนนเลียบชายทะเลเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร เป็นหาดทรายทอดยาว มีถนนเลียบชายหาด มีภูเขาคั่นระหว่างชายหาด ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตา  อ่าวนางถือเป็น จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

4.ท่าปอมคลองสองน้ำ

ชมความสวยงามของธรรมชาติ เดินเล่นชมธารน้ำใสสีเขียวอมฟ้า พร้อมไปกับเสน่ห์ของรากไม้ที่ขดไปมาในแอ่งน้ำ มองแล้วแปลกตา ที่ ท่าปอมคลองสองน้ำ แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยา เพื่อเรียนรู้ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งในแง่ของทางน้ำใต้ดินและพืชพรรณที่สามารถเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดิน เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินชมพันธุ์ไม้และแอ่งน้ำสีเขียวมรกต ผ่านทางเดินศึกษาธรรมชาติสะพานไม้ยกระดับระยะทางประมาณ 1.2 กม. ระหว่างทางได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและความร่มรื่นของป่าชนิดต่างๆนอกจากนี้ยังมีจุดที่ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้ลงเล่นน้ำอีกด้วย
สำนักงานฝ่ายเลขานุการฯ CMGF (CMGF Secretariat Thailand)

สำนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และพันธกิจสังคม (OMS) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อาคารศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ (LRC1) ชั้น 1 โทร 074-286977 โทรสาร 074-286971